ท้
ท้าวภูวดลกับพระนางนันทา ผู้ครองเมืองมิถิลา
ได้ให้กำเนิดพระโอรสนามว่า “พระปิ่นทอง” ซึ่งเป็นเด็กที่ดื้อมากจนใครๆก็ต่างเอือมระอา ด้วยความกังวลต่อบุตรชาย
ท้าวภูวดลกับมเหสีจึงสั่งให้นายทหารตามเสด็จพระปิ่นทองเวลาที่บุตรของตนออกไปเล่นนอกวัง
วันหนึ่งพระปิ่นทองขอออกไปเล่นนอกวังพร้อมด้วยทหารตามเสด็จ
ระหว่างที่กำลังเล่นว่าวอยู่นั้น ได้พบเจอกับ “แก้ว” ที่ออกไปช่วยแม่เลี้ยงม้า
เทวดาเห็นว่าพระปิ่นทองกับแก้วนั้นเป็นเนื้อคู่กัน
จึงบันดาลให้ว่าวหลุดลอยไปเพื่อให้ทั้งสองได้พบกัน พระปิ่นทองรีบวิ่งตามไปเก็บว่าวที่ลอยไปตกลงบริเวณที่แก้วเลี้ยงม้า
และต่อว่าที่แก้วบังอาจมาเก็บว่าวของตน ด้วยความโกรธแก้วจึงไม่ยอมคืนว่าวให้
พระปิ่นทองจึงสั่งให้นายสุขกับนายตุ่ย นายทหารคู่ใจวิ่งตามไปเอาว่าวคืนมาจากแก้ว
แต่ด้วยความที่พวกม้าช่วยแก้วเอาไว้
ทำให้นายทหารไม่สามารถเอาว่าวคืนมาได้
พระปิ่นทองเห็นท่าไม่ดีจึงนึกอุบายขอเจรจากับแก้ว ว่าหากนางคืนว่าวให้ตน
ตนจะให้แก้วแหวนเงินทองตามที่นางต้องการ แต่แก้วก็ยังไม่สนใจ
พระปิ่นทองจึงโกหกโดยการยื่นขอเสนอให้แก้วเป็นมเหสี
แก้วดีใจมากรีบรับคำและคืนว่าวแก่พระปิ่นทองทันที
ฝ่ายนายทหารรีบนำเรื่องพระปิ่นทองมาทูลกับท้าวภูวดล
ท้าวภูวดลให้นายทหารเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับเพราะเกรงว่าหากพระนางนันทาจะรู้เข้า
และต้องทำตามสัญญา
ส่วนแก้วก็รีบกลับมาบ้านเพื่อบอกข่าวกับพ่อแม่ว่าพระปิ่นทองจะรับตนไปเป็นมเหสี
แต่ไม่มีใครเชื่อนาง แก้วรอคอยให้พระปิ่นทองมารับตนเป็นมเหสีจนผ่ายผอม
พระปิ่นทองก็ยังไม่ยอมมาตามสัญญา
นางนิ่มกับนายมั่นผู้เป็นพ่อและแม่จึงไปถามความจากชาวบ้านจนรู้ว่าเรื่องนี้เป็นความจริง
จึงตัดสินใจพาแก้วเข้าวังเพื่อทวงสัญญา
เมื่อท้าวภูวดลทราบเรื่องจึงกริ้วมาก
และสั่งประหารทั้งสามแม่ลูก พระนางนันทาบังเอิญทราบเรื่องจึงบอกให้ท้าวภูวดลและพระปิ่นทองรักษาสัญญา
ด้วยเหตุนี้เองพระปิ่นทองจึงต้องยอมรับแก้วมาเป็นมเหสี โดยมีวอมารับที่บ้าน
และจัดงานพิธีอภิเษกอย่างยิ่งใหญ่
พระปิ่นทองอับอายมาก
จึงทำท่ารังเกียจไม่ยอมออกมาพบกับแก้ว
แก้วจึงเกิดความไม่พอใจเป็นอย่างมากจนต้องบุกเข้าไปหาพระปิ่นทองเอง
พระปิ่นทองจึงสั่งให้มีเวรยามเฝ้าไม่ให้แก้วเข้ามาหาตน
ท้าวภูวดลรู้เรื่องเข้าก็รู้สึกอับอาย
จึงคิดอุบายหาทางกลั่นแกล้งแก้วให้ทนไม่ได้จนต้องเป็นฝ่ายไปแทน
ท้าวภูวดลหาทางแกล้งแก้วด้วยการสั่งให้ไปยกเขาพระสุเมรุมาให้ได้ภายในเจ็ดวัน
หากยกไม่ได้จะถูกประหาร เมื่อได้รับคำสั่ง แก้วจึงออกเดินทางไปตามหาเขาพระสุเมรุ
และอธิษฐานว่าหากตนเป็นคู่แท้ของพระปิ่นทองจริง ขอให้พบกับเขาพระสุเมรุด้วยเถิด
ระหว่างการเดินทาง
แก้วต้องพบเจอกับสัตว์ร้ายที่หวังจะมาทำร้าย แต่ก็โชคดีที่พระฤาษีเข้ามาช่วยไว้ทัน
เมื่อพระฤาษีได้ทราบเรื่องราวทั้งหมด จึงช่วยถอดหน้าม้าให้แก้วกลับกลายเป็นสาวสวย
พร้อมเสกเรือเหาะและมีดอีโต้วิเศษให้เป็นอาวุธ
นางแก้วกราบลาพระฤาษีพร้อมสวมหน้าม้าไว้ดังเดิม
ก่อนจะนั่งเรือเหาะไปเจอกับเขาพระสุเมรุ
เมื่อพบเขาพระสุเมรุ
ยักษ์ที่ทำหน้าที่เฝ้าเขาพระสุเมรุบอกให้แก้วถอดปริศนาให้ได้ก่อนจะยกเขาให้
แต่แก้วไขปริศนาไม่ออก จึงฉวยโอกาสตอนยักษ์เผลอ และรีบตัดเขาเหาะหนีไป
เมื่อแก้วแบกเขาเหาะกลับมาถึงเมืองมิถิลา
ท้าวภูวดลก็ผิดหวังที่แก้วสามารถทำตามข้อตกลงได้
จึงหาทางเลี่ยงสัญญาโดยการให้พระปิ่นทองหนีออกประภาสต่างเมือง และหาทางกลั่นแกล้งแก้วต่อไป
ก่อนออกเดินทางพระปิ่นทองสั่งนางแก้วว่า
ถ้าตนกลับมาแล้วนางยังไม่มีลูก แก้วจะต้องถูกประหาร
แก้วจึงคิดหาวิธีมีลูกกับพระปิ่นทอง โดยนั่งเรือเหาะไปดักรอพระปิ่นทองระหว่างทาง
พร้อมถอดหน้าม้าออก พระปิ่นทองได้เจอกับโฉมหน้าอันงดงามของแก้วที่ถอดรูปแล้ว
ก็ถึงกับตกหลุมรัก และขอนางเป็นชายา นางแก้วถอดรูปจึงถามถึงมเหสีของพระปิ่นทอง
แต่พระปิ่นทองกลับตอบว่ามเหสีของตนเป็นหญิงอัปลักษณ์
แก้วได้ฟังดังนั้นก็รู้สึกไม่พอใจ และคิดหาทางกลั่นแกล้งพระปิ่นทองจนพอใจ
แก้วยอมอยู่กินกับพระปิ่นทองจนตั้งครรภ์
พระปิ่นทองจึงขอให้แก้วกลับไปอยู่ในวังด้วยกัน แต่แก้วพยายามหาข้ออ้างไม่ไป
พระปิ่นทองจึงได้มอบแหวนไว้เพื่อเป็นของขวัญและหลักฐานแก่ลูกที่กำลังจะเกิดมา
เมื่อพระปิ่นทองกลับถึงเมือง
แก้วหน้าม้ารีบตามไปดักหน้าและแกล้งถามว่าไปเจอสาวที่ไหนมาบ้างหรือเปล่า
พระปิ่นทองรีบโกหกว่าไม่เจอใคร พร้อมทวงสัญญาเรื่องที่แก้วจะต้องตั้งครรภ์
แก้วจึงรีบแสดงตัวว่าตนตั้งครรภ์ ซึ่งสร้างความดีใจให้กับพระนางนันทาเป็นอย่างยิ่ง
ในขณะที่พระปิ่นทองไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไป
จึงคิดหนีไปต่างเมืองโดยไม่ยอมให้แก้วไปด้วย
แต่พระปิ่นทองก็ถูกพวกยักษ์จับตัวเอาไว้
ฝ่ายนางแก้วเมื่อคลอดลูกชายออกมา
ก็เอาลูกไปฝากเอาไว้กับพระฤาษี พระฤาษีตั้งชื่อให้ว่า “พระปิ่นแก้ว”
จากนั้นนางแก้วก็ไปตามหาพระปิ่นทองที่หายตัวไปตามญาณที่พระฤาษีชี้ทางให้
ระหว่างทางแก้วแปลงกายเป็นชายเข้าไปช่วยพระปิ่นทองให้รอดพ้นจากท้าวพาลราช
แก้วฆ่าท้าวพาลราชตาย พวกยักษ์ที่เหลือจึงต่างพากันยอมสยบแทบเท้าแก้ว
และยอมยกเมืองให้พระปิ่นทอง
พระปิ่นทองทำท่าจะสนใจลูกสาวยักษ์สองคนคือ
เจ้าหญิงสร้อยสุวรรณและเจ้าหญิงจันทร แก้วรู้เข้าจึงรีบไปพาสองเจ้าหญิงมาหาพระฤาษี
และบอกเรื่องราวที่แท้จริงว่าตนเป็นใคร เมื่อเจ้าหญิงทั้งสองได้รู้เรื่องราวของแก้ว
ก็สัญญาว่าจะเก็บเป็นความลับ ก่อนที่จะกลับไปสู่เมืองยักษ์ตามเดิม
แก้วพาสองธิดาเมืองยักษ์กลับมายกให้พระปิ่นทอง
พระปิ่นทองจึงชวนสองธิดายักษ์กลับเมืองมิถิลาไปด้วยกัน
แก้วรู้เข้าจึงรีบสวมหน้าม้าขึ้นเรือเหาะไปดักหน้า เมื่อพระปิ่นทองกลับมาถึงเมืองมิถิลา
แก้วก็อุ้มพระปิ่นแก้วมารอรับ
และแสดงแหวนที่พระปิ่นทองเคยมอบไว้ให้เป็นหลักฐานว่านี้คือลูกของพระปิ่นทองจริง
กล่าวถึงท้าวกายมาต
ซึ่งเป็นญาติกับท้าวพาลราชที่ถูกแก้วสังหาร เมื่อท้าวกายมาตทราบเรื่อง
ก็เกิดความแค้นจนยกไพร่พลยักษ์มาล้อมเมืองมิถิลาเอาไว้ พระปิ่นทองทำอะไรไม่ถูกและคิดแต่ว่าคงจะต้องเสียเมืองให้ยักษ์อย่างแน่นอน
ธิดายักษ์ทั้งสองเกรงว่าพระปิ่นทองจะพ่ายแพ้แก่ยักษ์ จึงบอกความจริงว่าแก้วคือใคร
เมื่อพระปิ่นทองรู้เรื่อง จึงรีบไปขอร้องให้แก้วกลับมาช่วย แต่แก้วไม่ยอม
แต่แก้วก็ยังเป็นห่วงบ้านเมืองและพระนางนันทา
แก้วจึงรีบแปลงกายเป็นชายออกสู้กับยักษ์ ขณะที่กำลังต่อสู้
อีโต้วิเศษไม่สามารถทำอะไรยักษ์ได้เลย และแก้วก็กำลังจะพลาดท่าท้าวกายมาตอยู่แล้ว
แต่เมื่อแก้วเหาะข้ามหัวยักษ์
ก็ทำให้มนต์ยักษ์เสื่อมและสามารถฆ่าท้าวกายมาตได้สำเร็จ
ท่ามกลางความยินดีของชาวมิถิลา
พระปิ่นทองสงสัยว่าชายหนุ่มที่เข้ามาช่วยต้องเป็นแก้วแน่ๆ
จึงตามไปงอนง้อขอคืนดี นางแก้วยังคงเล่นตัว จนพระปิ่นทองขู่ว่าจะเชือดคอตาย
แก้วจึงยอมถอดหน้าม้าและเข้าพิธีอภิเษกสมรสกับพระปิ่นทองอีกครั้ง
และตั้งครรภ์ในเวลาต่อมา
ฝ่ายท้าวประกายกรด เมื่อรู้ข่าวว่าท้าวประกายมาตถูกฆ่าตายก็แค้น และกลับมาบุกเมืองมิถิลาอีกครั้ง พระปิ่นแก้วยกทัพไปสู้แต่ก็สู้ไม่ได้ ทำให้แก้วที่กำลังท้องแก่ต้องออกไปสู้กับยักษ์แทน ขณะที่กำลังต่อสู้กันอยู่นั้น ท้าวประกายกรดใช้เท้าถีบท้องของแก้ว จนทำให้นางคลอดพระธิดาออกมาถึง 3 องค์ ท้าวประกายกรดตกใจมากที่รู้ว่าศัตรูของตนเป็นหญิง ระหว่างนั้นเอง แก้วใช้ผ้าเปื้อนเลือดฟาดเข้าใส่ยักษ์ จนทำให้มนต์ยักษ์เสื่อม และท้าวประกายกรดก็ถูกฆ่าตายในที่สุด ตั้งแต่นั้นมา เมืองมิถิลาจึงกลับสู่ความสงบสุขอีกครั้งหนึ่ง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น